กระทู้ความคิดเห็น
ผู้แสดงความคิดเห็น 0 คน
|
??????????? ??????? ????????????? VS ??????????? |
ความแตกต่าง ระหว่าง เด็กสมาธิสั้น VS เด็กไฮเปอร์ ตั้งข้อสังเกต ลูกคุณ
เป็น เด็กสมาธิสั้น หรือ แค่ไฮเปอร์ ? เจ้าตัวเล็กของคุณเป็นโรคสมาธิสั้น หรือแค่มีพลังงานเหลือเฟือกันแน่? เราจะบอกคุณว่าเด็กแบบไหนเป็น เด็กสมาธิสั้น และแบบไหนคือ เด็กไฮเปอร์ พร้อมวิธีรักษา hyperkids สัญญาณในเด็กเล็ก เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นจะไม่สามารถทำอะไรให้เสร็จสมบูรณ์ได้ ต่อให้เป็นงานที่ง่ายที่สุดก็ตาม ปกติเด็กเล็กมักมีสมาธิสั้นกว่าเด็กโตอยู่แล้ว แต่เด็กที่เป็นโรคนี้จะเริ่มคิดถึงงานถัดไปก่อนที่จะเริ่มทำงานแรกเสียอีก พวกเขาจะไม่สามารถนั่งฟังนิทานเฉย ๆ หรือแม้แต่ช่วยพับผ้าได้ เด็กที่มีปัญหาสมาธิสั้นจะทำตามคำสั่งหรือประมวลข้อมูลได้ลำบากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน เขาจะพูดตลอดเวลา เพียงเพื่อให้ได้พูด แต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กที่ถามคำถาม ทำไม ตลอดเวลาจะเป็นโรคสมาธิสั้น เด็กที่เป็นโรคนี้จะพูดทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสมอง และพูดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ อีกอาการหนึ่งของเด็กที่เป็นโรคนี้คือ เขาจะเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น กระโดดบนเตียง กระโดดลงจากโต๊ะ ขยุกขยิก แกว่งแขน แกว่งเท้า เล่นกับอาหาร และไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้ หมายเหตุ: นี่เป็นอาการทั่วไปของเด็กสมาธิสั้น ไม่ใช่เด็กที่กำลังตื่นเต้นเพราะจะได้ไปเที่ยวข้างนอกนะคะ เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นมักมีความคิดสร้างสรรค์และช่างจินตนาการ สมองของเขาจะวิ่งปรู้ดตลอดเวลา และอยากทำนู่นทำนี่ไปซะทุกอย่าง มักเป็นพวกที่คิดเรื่องราวประหลาด ๆ มาเล่าให้คุณฟังได้เสมอ ชอบวาดรูปสัตว์หน้าตาประหลาด และเมื่อเริ่มโตขึ้น เขาจะสามารถทำหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกันได้ เช่นฟังคุณพูดไปพร้อม ๆ กับการจดจ่ออยู่กับงานอื่น การวินิจฉัยของแพทย์ ไม่ว่าลูกของคุณจะมีอาการชัดเจนแค่ไหน เราก็ไม่แนะนำให้คุณพยายามวินัจฉัยโรคด้วยตัวเอง มีเด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบหลายคนถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้นโดยที่พวกเขาไม่ได้เป็น เนื่องจากการวินิจฉัยโรคนี้ต้องอาศัยเวลาสังเกตพฤติกรรมต่อเนื่อง เด็กในช่วงวัยนี้อาจดูไฮเปอร์ แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะเป็นโรคสมาธิสั้นเสมอไป อาจแค่อยู่ในช่วงกำลังซน อยากรู้อยากเห็น แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อเด็กโตขึ้น shrieking kids วิธีรักษาที่ดีที่สุด มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำเพื่อบรรเทาอาการโรคสมาธิสั้นได้ เช่น ทำให้บรรยากาศในบ้านสงบ งดกิจกรรมที่อึกทึก และอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ เพียงแค่ลองเปลี่ยนอาหารให้ลูก ก็อาจช่วยบรรเทาอาการได้มาก พยายามงดอาหารแปรรูปที่ใส่สีผสมอาหาร สารเคมี และอาหารขยะทั้งหลาย ร่างกายของเราถูกออกแบบมาเพื่อให้ย่อยผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนม การกินอาหารอย่างระวังจะช่วยบรรเทาอาการได้โดยไม่ต้องพึ่งยา ลดสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ห้องที่มีสีสันสดใส การเปิดเพลงเสียงดัง วิดีโอเกมหรือรายการทีวีที่มีการเคลื่อนไหวเยอะ ๆ และอื่น ๆ จะยิ่งกระตุ้นประสาท และทำให้ลูกไม่สามารถจดจ่อได้ พยายามทำให้ทุกอย่างเงียบสงบ หากิจกรรมที่ลูกได้ลงมือทำด้วยตัวเองให้ลูกทำก็ช่วยได้เช่นกัน ให้รางวัลเมื่อลูกทำงานเสร็จ เพื่อกระตุ้นให้ลูกจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งและปฏิบัติตัวดีจนกว่างานจะสำเร็จ บางครั้งอาการของโรคอาจเกิดขึ้นกระทันหันจนเด็กไม่สามารถเรียนรู้และใช้ชีวิตได้ตามปกติ คุณอาจจำเป็นต้องให้ยา แต่ควรเลือกวิธีนี้เป็นทางเลือกสุดท้ายหลังจากที่ได้ลองวิธีอื่น ๆ แล้ว คุณอาจปรึกษากุมารแพทย์เพิ่มเติมเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับโรค การวินิจฉัย วิธีรักษา และวิธีการฝึกให้ลูกใช้พลังไปในทางที่สร้างสรรค์
|
|
โดย ??? : 2014-09-01 11:56:49 IP : 110.171.36.24 |
|
|||||